ส่วนประกอบ : 

✔ คอลลาเจนเปปไทด์ (ฟื้นบำรุงผิวให้ยืดหยุ่น กระชับ เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้า) 
✔ โคเอ็นไซม์คิวเท็น (บำรุงผิว ชลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ต้านอนุมูลอิสระ)
✔ อนุพันธุ์ของวิตามินอี (ชลอการเกิดริ้วรอย ลดรอยเหี่ยวย่นของผิว)
✔ ไททาเนียมไดออกไซด์ (ปกป้องผิวหน้าจากแสงแดดมี มีประสิทธิภาพในการสะท้อนแสงUV)
✔ ไมกา ซุปเปอร์ดีไฟน์ (ช่วยให้ใบหน้าแลดูสว่างกระจ่างใสเป็นประกาย)
✔ ซิลิก้า (ควบคุมความมันส่วนเกิน อำพรางริ้วรอยและจุดบกพร่องบนใบหน้า ช่วยให้เมคอัพติดทน)

ขนาด 14 กรัม  ราคา 780 บาท

วิธีใช้ :

ใช้พัฟฟ์แตะเนื้อแป้ง กดซับเบาๆแล้วเกลี่ยให้เรียบเนียนทั่วใบหน้า และลำคอ

แพคเกจจิ้ง :

          ตลับแป้งทรงกลมสีดำเงา ให้ความเรียบหรู ด้านหน้าเป็นโลโก้ของแบรนด์ ด้านในตลับมีการแบ่งเป็น 2 ชั้น มีกระจกมาให้ในตัว และเปิดอีกชั้นจะเจอพัฟฟ์ วัสดุดูแข็งแรงทนทาน ในเรื่องของแพคเกจจิ้งถือว่าทำได้ดีมากๆ การแบ่งชั้นให้พัฟฟ์อยู่แยกกับเนื้อแป้งเป็นสิ่งดีงาม เพราะจะช่วยให้สามารถคงคุณภาพของแป้งได้นานขึ้น

โทนสีของแป้ง BIO BEAUTISE มี 3 สี

     -  C2 Cream Beige    เหมาะสำหรับผิวขาวมาก     โทนชมพู   

     -  C3 Golden Beige   เหมาะสำหรับผิวขาว-กลาง โทนเหลือง

     -  C4  Natural Beige เหมาะสำหรับผิวสองสี         โทนเหลือง

มัชฌ์เลือกใช้เบอร์เข้มสุด เพราะเป็นคนผิวสีแทนค่ะ 

ทดสอบประสิทธิภาพ

ลองทดสอบเรื่องการปกปิด พบว่ามีระดับการปกปิดปานกลาง ถ้าเป็นรอยที่เข้มมากอย่างเช่นในการเทสต์นี้ มัชฌ์ใช้เจลเขียนคิ้วสีน้ำตาลเข้ม จะเห็นว่าปกปิดได้กลางๆ แต่ถ้าเป็นรอยที่ไม่เข้มขนาดนี้ ก็ถือว่าสามารถปกปิดได้โอเคเลยค่ะ

ลองสเปรย์น้ำลงบนผิว แป้งไม่หลุดไม่ไหล ยังคงติดผิวได้ดี เมื่อใช้กระดาษทิชชูซับน้ำออก ไม่มีแป้งหลุดติดกระดาษ ถือว่าแป้งนั้นมีประสิทธิภาพในการกันน้ำได้จริง


ลองกับหลังมือก็เบสิคไป ทีนี้เรามาลองแป้งที่ผิวหน้า และเตรียมตัวออกไปทดสอบแบบจัดเต็มกันดีกว่า

สภาพผิวของมัชฌ์ เป็น ผิวผสม มีความมันเฉพาะช่วง T-ZONE และหน้าแก้ม ส่วนบริเวณกรอบหน้าจะเป็นผิวที่ค่อนข้างแห้ง สีผิวประมาณ NC 35-37 แล้วแต่ช่วง มีรอยคล้ำใต้ตา และรอยแดงบนผิวค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะบริเวณรอบๆจมูก มีรูขุมขนกว้างช่วงหน้าแก้ม รอยสิวรอยดำเล็กน้อย ประปราย

เปรียบเทียบก่อน-หลัง ลงแป้ง BIO BEAUTISE

เมื่อลงทั้งหน้าและแต่งหน้าต่อ มีการแก้ไขโดยการคอนทัวร์และปัดแก้มให้ค่อนข้างชัดเจน ปรากฏว่าภาพรวมดูโอเคขึ้นมากเลย การปกปิดของแป้งอยู่ในระดับกลางๆ ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สามารถพลางรอยคล้ำใต้ตาและรอยแดงได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าเป็นรอยสิวหรือรอยแผลเป็น ต้องมีการผนวกกำลังกับคอนซีลเลอร์ร่วมด้วยนะคะ ลุคผิวที่ได้เป็นแมทท์แบบกำมะหยี่ ดูผิวเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกหนักหน้าเลย บางเบาและสบายผิวมาก เนื้อแป้งละเอียดมาก มีความสามารถในการเบลอผิว เบลอรูขุมขนได้ด้วย

ถ่ายรีวิวแต่ในสตูกันคงไม่เห็นภาพเท่าไหร่นัก ลองออกไปใช้ชีวิตจริง 1 วันเต็มๆ ทั้งเดินห้าง ชอปปิ้ง แถมเจอละอองฝนด้วย ไปชมการทดสอบในคลิปกันเลยยย ▷ https://youtu.be/5lAvNhMieV0

สภาพผิวเมื่อผ่านไป 10 ชม.+ 

หลังซับความมันส่วนเกินด้วยกระดาษทิชชู

ซูมดูสภาพผิวหลังผ่านไปเกือบๆ 11 ชม. เจอละอองฝนปรอยๆปรากฏว่ายังติดทนดีมาก สีมีการดรอปลงเล็กน้อย มีความมันบริเวณ T-ZONE และหน้าแก้มออกมา แต่ไม่มันเยิ้ม ไม่เป็นคราบ ไม่เป็นสังขยา เพราะเนื้อแป้งเค้าละเอียดและบางเบาจริงๆ แป้งหลุดไปบ้างช่วงจมูก เพราะเป็นช่วงที่มีความมันมากที่สุดบนใบหน้า เกิดคราบเล็กน้อยบริเวณร่องข้างจมูก ซึ่งไม่ว่าใช้แป้งหรือรองพื้นตัวไหนก็มักจะเกิดขึ้นได้ง่ายอยู่แล้วค่ะ โดยรวมหน้ายังดูเนียนมาก สีแก้มและคอนทัวร์ที่ลงทับแป้งยังอยู่ครบ เท่ากับว่า แป้งยึดเกาะได้เยี่ยมมาก พอซับความมันโดยรวมหน้า

มาดูผลคะแนนแต่ละส่วนกัน (คะแนนเต็ม 5 คะแนน) 

แพคเกจจิ้ง         5
การปกปิด          4
ความคุมมัน        4
โทนสี                 3.5
ติดทน/กันน้ำ       4

ความพอใจโดยรวม 4 คะแนน 

สรุปเลยว่า ปัง! 

จุดเด่น :

เนื้อแป้งละเอียดมากๆ ละเอียดตามที่เคลมว่าเป็น micro powder จริงๆ คือเนียนไปกับผิว แถมยังช่วยเบลอริ้วรอยเล็กๆหรือรูขุมขนได้ด้วย ตรงนี้ประทับใจมากที่สุด ได้ลองทาลงบนผิวผู้ชายที่มีรูขุมขนกว้าง ปรากฏว่าเนียน เบลอผิว รูขุมขนดูดีขึ้นมาก แต่ให้ความบางเบา เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ในวันที่ต้องการความสบายผิว แต่ก็ยังต้องการการปกปิดในระดับนึง สามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีมาก ทดลองมาแล้ว อันนี้คอนเฟิร์มค่ะ!

จุดด้อย : 

สีแป้ง C4 ยังเข้มไม่พอสำหรับคนผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวแทนประมาณ NC 35 ขึ้นไป สำหรับมัชฌ์ถือว่าสว่างเกินไป แต่พอที่จะแก้ไขให้ไม่โอเวอร์ได้ ด้วยการคอนทัวร์กรอบหน้าให้เข้มขึ้น อีก 1 สิ่งที่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในคราวเดียวกัน คือ แป้งมีค่ากันแดด SPF ค่อนข้างสูง(spf 30) จึงทำให้สะท้อนแสงไฟแสงแฟลชได้ค่อนข้างมาก อาจไม่เหมาะสำหรับการใช้ถ่ายรูปยิงแฟลช ถ่ายงานที่ต้องใช้แสงเยอะๆ เพราะจากในคลิปจะเห็นว่าช่วงที่ถ่ายกับแสงธรรมชาติ หน้าดูไม่ลอยเลยค่ะ แต่เมื่ออยู่กลางไฟสตูดิโอ ผิวหน้าจะมีความสว่างกว่าและค่อนข้างโดดกว่าค่ะ

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับสาวๆผิวเข้มที่กำลังมองหาแป้งผสมรองพื้นแบรนด์ไทยราคาหลักร้อยมาลองใช้กันนะคะ ใครเคยใช้แป้งตัวนี้เหมือนกันก็อย่าลืมมาเม้ามอยกันต่อได้ที่ FACEBOOK, INSTAGRAM, YOUTUBE

สั่งซื้อได้ทางเว็บไซต์ LAZADA และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

FB : BIO BEAUTISE

WEBSITE : www.biobeautiseshop.com

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองพาแป้งสักตัวนะคะ 

แล้วเจอกันใหม่กับ ไม่โป๊ะ..ก็ปัง! ตอนหน้าค่าาา 

♡♡♡